null
ข้อมูลทั่วไปประเทศอิตาลี
อิตาลี มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐอิตาลี เป็นประเทศในทวีปยุโรป บริเวณยุโรปใต้ ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีที่มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบูต และมีเกาะ 2 เกาะใหญ่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ เกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนีย และพรมแดนตอนเหนือแบ่งประเทศโดยเทือกเขาแอลป์ กับประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และสโลวีเนีย ประเทศอิตาลีเป็นประเทศสมาชิกก่อตั้งของสหภาพยุโรป เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ นาโต และกลุ่มจี 8
มีประเทศอิสระ 2 ประเทศ คือ ซานมารีโนและนครรัฐวาติกัน เป็นดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ของอิตาลี ในขณะที่เมืองกัมปีโอเนดีตาเลีย เป็นดินแดนส่วนแยกของอิตาลีที่ถูกล้อมรอบด้วยพื้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
การแบ่งเขตการปกครอง
การปกครองของประเทศอิตาลีเป็นรูปแบบสาธารณรัฐประชาธิปไตย มีรัฐสภา และใช้ระบบพรรคผสม รัฐสภาของอิตาลีประกอบด้วยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนของทั้งสองสภาดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี
การปกครองส่วนท้องถิ่น อิตาลีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 20 แคว้น แบ่งเป็นแคว้น 15 แคว้น และแคว้นปกครองตนเอง 5 แคว้น โดยในแต่ละแคว้นจะมีองค์กรการปกครองหลักอยู่ 3 องค์กร คือ
สาธารณรัฐอิตาลีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 15 แคว้นหรือ เรโจนี (Regioni) และ 5 แคว้นปกครองตนเอง หรือ เรโจนีเอาโตโนเม (Regioni autonome) และแต่ละแคว้นก็จะแบ่งการปกครองออกเป็นจังหวัด (Province) และแต่ละจังหวัดก็จะแบ่งออกเป็นเทศบาลหรือ โกมูนี (Comuni)
ภูมิอากาศ
ประเทศอิตาลีมีลักษณะอากาศหลากหลายแบบ และอาจมีความแตกต่างจากภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนตามลักษณะพื้นที่ตั้ง พื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศ เช่นเมืองตูริน มิลาน และโบโลญญา มีลักษณะแบบอากาศภาคพื้นทวีปที่ค่อนข้างร้อนชึ้น (การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปน: Cfa) พื้นที่ชายฝั่งติดกับทะเลของแคว้นลีกูเรียและส่วนใหญ่ของคาบสมุทรที่อยู่ใต้ลงไปจากฟลอเรนซ์เป็นภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน (การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปน: Csa) คือมีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี โดยมีลมจากแอฟริกาพัดเอาความร้อนและความชี้นเข้ามา พื้นที่ชายฝั่งของคาบสมุทรอิตาลีสามารถมีความแตกต่างกันได้มากจากระดับความสูงของภูเขาและหุบเขา โดยเฉพาะเมื่อถึงฤดูหนาวในที่สูงก็จะมีอากาศหนาว ชื้น และมักจะมีหิมะตก ภูมิภาคริมทะเลมีอากาศไม่รุนแรงในฤดูหนาว อากาศอุ่นและมักจะแห้งในฤดูร้อน และพื้นที่ต่ำกลางหุบเขามีอากาศค่อนข้างร้อนในฤดูร้อน
ฤดูกาล
ลักษณะอากาศ มี 4 ฤดู
ระบบการศึกษา
อายุ 3 ปีขึ้นไป ไปจะถูกส่งเข้าเรียนในระดับนี้แม้จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาภาคบังคับก็ตาม จะมีครูดูแล 2 คนต่อ 1 ห้องเรียน เด็กอนุบาลจะไม่เพียงแต่เล่น ทำกิจกรรม และเรียนรู้การเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันเท่านั้น พวกเขาจะเริ่มหัดท่องตัวเลข จำตัวหนังสือ และคำศัพท์ง่ายๆ อีกด้วย
อายุประมาณ 6 – 11 ปี สามารถเข้าศึกษาได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบครึ่งเป็นต้นไปเนื้อหาในการเรียนระดับชั้นนี้ค่อนข้างกว้างขวาง เพื่อที่นักเรียนจะได้ค้นหาว่าตนชอบและถนัดอะไร เป็นต้นว่า วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอิตาเลียน ภาษาอังกฤษ ภูมิศาสตร์ สังคมศึกษา และพละ บางโรงเรียนจะเพิ่มวิชาดนตรี ศิลปะ และจริยธรรมเข้ามาด้วย ในแต่ละห้องจะมีครูประจำอยู่ทั้งหมด 3 คน สอนในวิชาต่างๆ และครูสอนภาษาอังกฤษอีก 1 คนที่สอนเด็กทั้งระดับชั้น
อายุประมาณ 11 – 14 ปี เป็นช่วงที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่เด็กนักเรียนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นระดับชั้นแรกที่มีครูประจำวิชา โดยวิชาที่สอนจะต่อเนื่องจาก Scuola Primaria ในระดับที่ยากขึ้น จะเพิ่มวิชาเทคโนโลยีและภาษาที่สามเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสเปนหรือฝรั่งเศส บางคนที่เคยไปอิตาลีมาก่อน อาจสังเกตเห็นว่าโรงเรียนที่นั่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก นั่นก็เพราะโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีแค่โรงยิมสำหรับเรียนพละเท่านั้น ไม่มีสนามกีฬาขนาดใหญ่เหมือนในไทยค่ะ
โรงเรียนในอิตาลีจะเริ่มสอนตั้งแต่ 8 โมง หรือ 8 โมงครึ่ง ถึงแค่บ่ายเท่านั้น หลังจากนี้เด็กนักเรียนจะกลับไปกินข้าวกลางวันกับครอบครัว เพราะที่อิตาลีนั้น นักเรียนเรียนกันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์
อายุประมาณ 14 – 19 ปี เป็นช่วงที่นักเรียนจะต้องวางแผนแล้วว่าในอนาคตจะประกอบอาชีพอะไร เนื่องจากมีการแบ่งสายการเรียนในระดับนี้อย่างชัดเจนเหมือนมัธยมปลายบ้านเรา โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. Istituto Professionale (อินสติตูโต โปรเฟสสิโอนาเล่ะ)
ในสายนี้จะเน้นไปที่การสอนงานที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงกับสายงานในตลาดแรงงาน อย่าง ด้านวิศวกรรม เกษตรกรรม อาหาร งานช่าง และเลขานุการ เรียกได้ว่าคล้ายกับอาชีวศึกษาของบ้านเราเลยค่ะ นอกจากนี้ บางโรงเรียนเรียนเพียงแค่ 3 ปีก็มี และส่วนใหญ่นักเรียนมักจะหางานทำต่อทันทีที่จบการศึกษา
2. Istituto Tecnico (อินสติตูโต เทคนิโค)
เพิ่มการเรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีให้มากขึ้นกว่า Istituto Professionale ในขณะเดียวกันนักเรียนจะต้องเลือกเรียนในสายเฉพาะทางเช่นกัน อย่าง เศรษฐศาสตร์ มนุษยศาสตร์ กฎหมาย การท่องเที่ยว บริหาร บัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ ในปีการศึกษาสุดท้ายนักเรียนจะต้องเข้าฝึกงานกับบริษัท องค์กร หรือมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 3 – 6 เดือน
3. Liceo (ลิเชโอ)สำหรับสายนี้จะเป็นโรงเรียนเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนชาวอิตาเลียนค่ะ เนื้อหาการเรียนจะเน้นไปที่ทฤษฎีของสาขาที่เรียน แต่จะมี 3 วิชาหลักที่ทุกโรงเรียนต้องสอนคือ วรรณคดีอิตาเลียน ประวัติศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ซึ่งสายการเรียนแบบ Liceo จะแบ่งออกเป็นอีก 5 รูปแบบโรงเรียนค่ะ ได้แก่
- ปริญญาตรี: Laurea (เลาเรอา): นักศึกษาจะต้องเรียนเก็บหน่วยกิตให้ได้ 180 หน่วยกิจภายใน 3 ปีนี้
- ปริญญาโท: Laurea Magistrale (เลาเรอา มาจิสตราเล่): เรียน 2 ปี ผู้เรียนจะต้องเก็บหน่วยกิตให้ครบ 120 หน่วยกิต การเรียนจะเน้นเกี่ยวกับทฤษฎี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะเรียนต่อในระดับปริญญาเอก ที่ต้องเรียนต่ออีกประมาณ 3 ปีนั่นเอง
- ปริญญาเอก: Master (มาสเตอร์): เรียน 1 ปี จุดประสงค์หลักของ Master คือ การสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างการเรียนมหาวิทยาลัยและโลกธุรกิจ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มกรณีศึกษาจริง การทำงานเป็นทีม การประชุมในบริษัท การนำเสนองาน และการฝึกงาน เพื่อให้นักศึกษาได้รู้สึกว่าตนอยู่ในสภาพแวดล้อมของสังคมการทำงานมากกว่าห้องเรียนในมหาวิทยาลัย โดยจะต้องเก็บหน่วยกิตทั้งหมดเพียง 60 หน่วยกิตเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก: Wikipedia, Dek-D